60% ของโรงงานเสียเวลามากกว่า 4 ชั่วโมง แค่ล้างเครื่องผสม

เพราะล้างเครื่องนาน…เลยต้องเลื่อนทั้งไลน์

รู้ไหม? เวลาที่หายไปในแต่ละวัน ไม่ได้หายเพราะเครื่องเสีย แต่หายเพราะ “ล้างเครื่อง”

งานหนึ่งที่ไม่มีใครอยากทำ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “การล้างเครื่องผสม”
และสิ่งที่น่าตกใจคือ…

มากกว่า 60% ของโรงงานในอุตสาหกรรมยาและอาหาร ใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมงต่อรอบ เพื่อแค่ทำความสะอาดเครื่องผสม

บางโรงงานล้างวันละ 2 รอบ = เสียเวลาไป 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยที่เครื่องไม่ได้ผลิตอะไรเลย
ลองคิดดูว่า 8 ชั่วโมงนั้น ถ้าใช้ผลิตได้ต่อเนื่อง โรงงานจะได้อะไรกลับมาบ้าง?

ล้างนานไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่มันกระทบทั้ง Productivity, ต้นทุน และกำหนดส่งของ

การที่ต้องหยุดล้างเครื่องบ่อยๆ หรือนานเกินไป ส่งผลกระทบแบบเป็นลูกโซ่ เช่น:

  • เครื่องผลิตได้น้อยลง ทั้งที่ไม่ได้เสีย
  • ต้องเลื่อนรอบการผลิตอื่นออกไป
  • พนักงานต้องอยู่ OT เพื่อรอล้างให้เสร็จ
  • ต้องเสียเวลายืนยันความสะอาด (Validation) เพิ่มอีก

ในโรงงานหนึ่ง ถ้าเครื่องสามารถผลิตแกรนูลได้ 100,000 เม็ดต่อชั่วโมง
การเสียเวลา 4 ชั่วโมงต่อวัน เท่ากับ “เสียโอกาสผลิต” ไป 400,000 เม็ด!

ทำไมเครื่องแบบเดิมถึงล้างยาก?

ถ้ามองลึกลงไป โครงสร้างของเครื่องผสมแบบเดิมมีหลายจุดที่ทำให้ “ล้างยากโดยธรรมชาติ”:

ใบมีดติดแน่นอยู่ก้นถัง

จะล้างแต่ละครั้ง ต้องถอดออกมา ทำให้เสียเวลา และเสี่ยงต่อการติดตั้งกลับผิด

มีจุดสะสมผงตามซีลหรือขอบมุม

หลายจุดเป็นจุดอับที่ล้างไม่ทั่วถึง ต้องขัด ต้องฉีด ต้องเช็ดหลายรอบ

ไม่มีระบบล้างในตัว (WIP)

บางเครื่องยังต้องล้างด้วยมือ ซึ่งทั้งช้า ทั้งเสี่ยงต่อความผิดพลาด

ล้างไม่สะอาดก็ Validate ไม่ผ่าน

ต้องย้อนกลับไปล้างใหม่ และเสียเวลาเขียนเอกสารเพิ่ม

เวลาเครื่องหยุด ไม่ได้เสียแค่ค่าแรง แต่เสีย “โอกาส”

เวลาที่เสียไปกับการล้างเครื่องแบบเดิม หมายถึง:

  • เสียโอกาสในการผลิตสินค้าเพิ่ม
  • เสียจังหวะการวางแผนของไลน์ผลิต
  • เพิ่มภาระให้พนักงานในเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
  • เสียเวลาเขียนเอกสารและตรวจสอบ Validation ซ้ำๆ

สิ่งเหล่านี้คือ “ต้นทุนแฝง” ที่หลายโรงงานไม่ได้คำนวณไว้

แล้วจะทำอย่างไรให้ล้างเครื่องได้เร็วขึ้น โดยไม่เสียมาตรฐาน?

คำตอบคือ ต้องเริ่มจากการ “ออกแบบเครื่องให้ล้างง่ายตั้งแต่แรก” หรือที่เรียกว่า Hygienic Design
และเสริมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยลดจุดเสี่ยงในการสะสมผง

เครื่อง Gansons HSMG คือหนึ่งในตัวอย่างที่ถูกออกแบบมาโดยคิดถึงเรื่องนี้แบบครบวงจร

เทคโนโลยีที่ช่วยให้ “ล้างเร็ว” และ “ล้างชัวร์” ใน Gansons HSMG

1. IMPELIFT™ – ยกใบพัดขึ้นจากก้นถัง

ระบบนี้ช่วยให้ไม่ต้องถอดใบพัดทุกครั้งที่ล้าง

  • ล้างได้ง่าย เห็นทุกมุม ไม่ต้องปีน ไม่ต้องถอด
  • ลดความเสี่ยงจากการติดตั้งผิด
  • ประหยัดเวลาและเพิ่มความปลอดภัยให้คนทำงาน

ลดเวลาล้างเครื่องจาก 3–4 ชั่วโมง เหลือเพียง 30–60 นาทีเท่านั้น

2. Duo Seal – ซีลสองชั้น ป้องกันผงเข้า

ระบบนี้ช่วยกันไม่ให้ผงหรือ Binder ซึมเข้าไปในรอยต่อของใบพัดหรือใบมีด

  • ลดจุดสะสมของผงที่มองไม่เห็น
  • ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน
  • เพิ่มความมั่นใจให้ทีม QA ว่าล้างสะอาดจริง

3. ระบบล้าง WIP (Wash-in-Place) พร้อมหัวฉีด

ไม่ต้องพึ่งสายยาง ไม่ต้องใช้มือฉีดเอง

  • ล้างแบบอัตโนมัติ
  • บันทึกข้อมูลการล้างได้
  • สะดวกต่อการทำ Validation

เทียบให้ชัด: ก่อนใช้ vs หลังใช้ Gansons HSMG

หัวข้อเครื่องเดิมGansons HSMG
เวลาล้าง3–4 ชม.30–60 นาที
ต้องถอดใบพัด?✅ ใช่❌ ไม่ต้อง
มีจุดสะสมผง?✅ หลายจุด❌ ปิดสนิท
ล้างด้วยมือ?✅ ใช่❌ มีระบบ WIP
รองรับ Validation?❌ ลำบาก✅ พร้อมระบบบันทึก

บทสรุป: ลดเวลาล้าง = เพิ่มรอบผลิต = ควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า

การล้างเครื่องไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
เพราะมันเชื่อมโยงกับ Productivity, ความปลอดภัย, และ Compliance โดยตรง

เทคโนโลยีอย่าง IMPELIFT™, Duo Seal และระบบ WIP ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย
แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในยุคที่ต้องแข่งขันทั้งคุณภาพและต้นทุน

ลองถามตัวเองง่ายๆ:

  • ถ้าแค่ “ล้างเครื่อง” ใช้เวลานานกว่าผลิต… ควรเปลี่ยนหรือยัง?
  • ถ้าเปลี่ยนแล้ว “รอบผลิตต่อวันเพิ่ม” กำไรมากขึ้นหรือไม่?

ถ้าคำตอบคือ “ใช่” → Gansons พร้อมให้คุณทดลองใช้เครื่อง HSMG ที่ช่วยล้างง่ายขึ้นแต่คุณภาพสูงขึ้น

📩 สนใจปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญ หรือต้องการสาธิต
ทักมาหาเราได้เลย

Gansons – เพราะเวลาในสายการผลิต ควรใช้กับการผลิต ไม่ใช่กับการล้างเครื่อง

Write a Reply or Comment